Date : 
April 28, 2025

Greco แบรนด์กีตาร์ที่ Fender กลัว

Greco Guitar

ถ้าเราพูดถึง กีตาร์วินเทจญี่ปุ่น เรามักจะเรียกกันว่า Japanese Vintage Guitar ซึ่งผลิตขึ้นระหว่างปี 1971 ถึง 1982 แน่นอนว่าในช่วงแรก ผู้ผลิตกีตาร์ญี่ปุ่นหลายราย ผลิตกีตาร์ที่ Design ในแบบตัวเอง ซึ่งล้วนได้รับรับอิทธิพลมาจาก Gibson, Fender, Mosrite, Burns, Vox เป็นต้น แต่ยังไม่ใช่การเลียนแบบเป๊ะๆ 

ประวัติของ Greco Guitar

กีตาร์ที่ผลิดเลียนแบบเป๊ะๆ เริ่มมีการสร้างขึ้นโดยแบรนด์ GRECO เป็นแบรนด์ภายใต้บริษัท Kanda Shokai Corporation ซึ่งก่อตั้งโดย  Kanda Shokai ในช่วงแรกบริษัท Kanda Shokai Corporation เป็นบริษัทขายเครื่องดนตรี ตั้งแต่ปี 1948 และแบรนด์ GRECO ได้เปิดตัวครั้งแรกในปี 1960 ในช่วงแรกของ GRECO ผลิตกีตาร์ตามแบบของตนเอง ซึ่งก็มีความคล้ายคลึงกับกีตาร์อเมริกัน

ความโด่งดัง The Beatles ในญี่ปุ่น

 ในปี 1966 การทัวร์คอนเสิร์ตของวง The Beatlesในญี่ปุ่นได้ส่งอิทธิพลต่อการออกแบบกีตาร์ของ GRECO อย่างมาก โดย GRECO ได้เปิดตัวกีตาร์แบบ Solid Bodyใหม่ ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจาก  Fender Telecaster และทรงไวโอลินแบบ Hofner

Jimmy Page ราชาแห่ง Les Paul

ในปี 1969 วง Led Zeppelin ได้ออกอัลบั้ม ซึ่งในขณะนั้น Jimmy Page มือกีตาร์ของวงใช้ Gibson Les Paul Standard สี Sunburst และแน่นอนมันกลายเป็น iconic ของเพลง Rock ความดังของ Jimmy Page ทำให้ความต้องการ Gibson Les Paul Custom, SG’s, Fender Stratocasters, Telecasters และรุ่นอื่นๆ มีความต้องการอย่างมากในญี่ปุ่น

ในช่วงปี 1970 มีเรื่องน่าสนใจอยู่เรื่องหนึ่ง  เงินเดือนเด็กจบใหม่ในญี่ปุ่นจะเฉลี่ยอยู่ที่ 120$ และราคาของเริ่มต้นของ Fender Stratocaster จะอยู่ที่ 660$ ซึ่งเท่ากับ  5เท่าของเงินเดือนเด็กจบใหม่

การทัวว์ญี่ปุ่นของวง Rock ระดับโลก

ในปี 1971 Led Zeppelin, Pink Floyd, Grand Funk Railroad และวงดนตรีชื่อดังอื่นๆ ต่างมาทัวร์คอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่น ซึ่งทำให้ความต้องการของกีตาร์ในแบบศิลปินเหล่านั้นใช้ มีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และสิ่งนี้ก็ไม่ได้หลุดลอยไปจากความสนใจของ GRECO

จุดเริ่มต้นของ Kanda Shokai

เนื่องจากราคากีตาร์ Gibson ในญี่ปุ่นค่อนข้างสูง จึงมีนักดนตรีแจ๊สเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีกีตาร์รุ่นนี้ และ GRECO ก็ยังไมมีกีตาร์ทรง Les Paul ทำให้ GRECO มีความต้องการผลิตกีตาร์ทรง Les Paul ออกมาขาย โดยมีการถอดแบบ Les Paul จากภาพถ่ายจากนักดนตรีต่างๆ และตามแคตตาล็อกของ Gibson และแน่นอน คนญี่ปุ่นมีฝีมือ ทำให้Greco ผลิต LP ออกมาขาย รุ่นแรกชื่อ EG-360 ซึ่งโครงสร้างตัวกีตาร์ที่แตกต่างจาก Les Paul ของ Gibson ค่อนข้างมาก เนื่องมาจากไม่ได้มีกีตาร์จริงๆเอามา Copy แต่นั่นก็มีใกล้เคียงพอที่จะเริ่มปฐมบทของ "lawsuit guitar" การฟ้องร้องลิขสิทธิ์เลียนแบบในญี่ปุ่น


ดังที่กล่าวไว้ Kanda Shokai คือเจ้าของแบรนด์ มีหน้าที่ทำการตลาดและการจัดจำหน่ายเป็นหลัก โดยในช่วงแรกมีการจ้าง Matsumoku Gakki เป็นผู้ผลิต หลังจากนั้นตั้งแต่ปี 1974-75 จนถึงปัจจุบันเปลี่ยนมาให้ Fujigen Gakki เป็นผู้ผลิต นี่คือเหตุผลที่ GRECO และ IBANEZ ถือว่าเป็นแบรนด์กีตาร์พี่น้องกัน 

จุดเริ่มต้นของ EG-360

ในช่วงต้นทศวรรษ 1970 GRECO ได้มอบหมายให้คุณ Hidesato Shiino (ซึ่งเคยทำงานให้กับ Yamaha) มาเป็นที่ปรึกษา ช่วยดูแลฝ่ายการผลิต และการตลาด

ในช่วงแรก คุณ Shiino ดูแลรับผิดชอบการผลิตกีตาร์ให้กับ Greco เป็นส่วนใหญ่ แต่ไม่เพียงเท่านั้น

คุณ Hidesato Shiino ยังเป็นที่ปรึกษาให้กับ  ELK, Guyatone, Fernandes, Kasuga และแบรนด์อื่นๆ เขาได้ติดต่อกับเพื่อนเก่าของเขา คุณชิเงรุ นารูโม (Shigeru Narumo) ซึ่งเป็นนักกีตาร์ชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงมาก 

คุณนารูโมเริ่มดูแลการพัฒนากีตาร์ GRECO ร่วมกับคุณชิอิโนะ พวกเขาแนะนำ GRECO ว่าเราพัฒนากีตาร์ที่ดีกว่า Les Paul ในราคาที่เอื้อมถึงได้ เขาเริ่มจากการปรับขนาดคอให้เหมาะกับมือคนญี่ปุ่นซึ่งเล็กกว่า 

คุณชิอิโนะได้ง่วนอยู่ในโรงงาน เพื่อจะสร้าง prototypeให้ตรงตาม Requirement ของคุณนารูโม เพียงไม่กี่วัน EG Prototype ตัวใหม่ก็เสร็จ คุณนารูโม ประหลาดใจอย่างมากกับสิ่งที่คุณชิอิโนะสร้างขึ้น  เขาให้สมาชิกในวงเล่นกีตาร์ Gibson, Fender และ EG แบบ Blind Test และทั้งหมดก็มีความเห็นตรงกันว่า EG เป็นกีตาร์ที่ดีที่สุดใน 3ตัวนั้น

Narumo เล่นกีตาร์ EG-360 Custom ตัวใหม่นี้บนเวทีสลับกับกีตาร์ Gibson ตัวเก่งของเขา ผู้ชมต่างประหลาดใจเมื่อได้ยินเสียงกีตาร์ Les Paul ที่ผลิตในญี่ปุ่น ซึ่งมันดีพอๆกับ Gibson หรืออาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ

หลังจากการมีส่วนร่วมของ Narumo ทำให้ยอดขายของ GRECO เพิ่มขึ้นอย่างมาก  GRECO จึงขอให้ Narumo มาเป็น Endorser ของ GRECO แม้ว่าจะไม่ค่อยเต็มใจ แต่ Narumo ก็มองเห็นความเป็นไปได้ในการสร้างกีตาร์ในฝันของเขา หลังจากนั้นไม่นาน Narumo ได้เยี่ยมชมโรงงาน Fujigen และแนะนำให้ทาง Greco เปิด Cover ของปิ๊กอัพตัวบริด จึงเป็นรุ่นต่อมากคือ EG-420 ซึ่งเหนือกว่า EG-360 อย่างมาก

GRECO และ Narumo ได้ Collab กันสร้างกีตาร์มากมาย เริ่มตั้งแต่รุ่น EG-420 จนไปถึงรุ่นสุดยอดที่สุดคือ  EG-800 กลายเป็นยุคทองของกีตาร์เลียนแบบของ GRECO 

กีตาร์รุ่น EG-800 มีปิ๊กอัพแบบเปิดและส่วนหลังที่โค้งมนเหมือนกับรุ่น 420 โดยใช้ไม้คุณภาพสูงกว่า EG-420 ส่วนฟิงเกอร์บอร์ดเป็น Ebony ส่วนไม้ Top เป็น 2 pieces maple ส่วนคอมีความแคบมากกว่า และแน่นอนการต่อคอเป็นแบบ Set neck เหมือน Gibson

Greco เริ่มผลิตกีตาร์กเลียนแบบ  Gibson  หลายรุ่นในช่วงกลางยุค 70 เหตุผลง่ายๆ ว่าตัว Kanda-Shokai เอง ในขณะนั้นเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย Gibson ซึ่ง Kanda Shokai ขอให้ Fujigen ผลิตกีตาร์เลียนแบบ Gibson ในหลายๆ รุ่น หลังจากนั้น Fujigen ก็เริ่มผลิต และส่งออกกีตาร์เลียนแบบ ในชื่อแบรนด์ Ibanez ไปยังสหรัฐอเมริกา ยุคของ lawsuit guitar ก็เริ่มจาก Greco นั่นแหละ

ปี 1972 Kanda ได้เปิดShop ทำกีตาร์แบบ Custom ใหม่ Mick Ralphs นักกีตาร์จาก Bad Company ได้มาเยี่ยม Kanda จากนั้นจึงได้มีพูดคุยเกี่ยวกับการสั่งทำกีตาร์ของเขา ต่อมากีตาร์รุ่นนั้นจึงกลายมาเป็นกีตาร์ซีรีส์ “MR” หลังจากนั้น Kanda ก็ได้เริ่ม “ซีรีส์โปรเจ็กต์กีตาร์เลียนแบบ” ไม่ว่าจะเป็น Brian May ,  Rickenbacker รุ่น Paul McCartney และอื่นๆ อีกมากมาย

ในช่วงปลายยุค 70 Alembic Guitar เป็นที่นิยมอย่างมากในอเมริกา โดย Alembic Guitar มีคอแบบ Neck Through ซึ่งทำให้เสียงมี Sustain ที่มากกว่า ทีมการตลาดของ Greco จึงได้เริ่มพัฒนากีตาร์ซีรีส์ใหม่ที่ชื่อว่า  “GO” โดยมีการใช้คอแบบ Neck Through และสวิตช์ควบคุมที่ซับซ้อน ออกมาขายในปี 1978

ไม่นานหลังจากนั้น กีตาร์รุ่น Go ได้รับความนิยมในหมู่ผู้เล่นอย่างมาก Kanda เริ่มทำลงโฆษณาทางทีวี และมีการเซ็นต์สัญญากับนักดนตรีญี่ปุ่นมากมาย  ทำให้ซีรีส์ GO มียอดขายดีมาก หลังจากนั้น Kanda ก็ออกซีรีส์ “GO-II” “GO-III” และ “Mirage” ยอดขายก็ดีอย่างต่อเนื่อง

ในเวลาไล่เลี่ยกัน Kanda ได้ออกซีรีส์ใหม่ในชื่อ  “Super Real” ซึ่ง Les Paul Replica EGF-1000 ได้รับการประเมินจากนักดนตรีในยุคนั้นว่าดีกว่ากีตาร์ Original  พวกเขาลงทุนไปอย่างมากสำหรับซีรีส์ “Super Real” วัสดุไม้ที่ดีกว่าดีกว่ารุ่นเดิม ส่วนชิ้นส่วนโลหะได้รับการออกแบบใหม่ให้ใกล้เคียงกับ Les Paul Original พวกเขายังได้พัฒนาปิ๊กอัพฮัมบัคเกอร์รุ่นใหม่ในชื่อว่า “DRY” ซึ่งถูกใช้ในรุ่น EGF-1200 และ EGF1800 ส่วน EGF-850 ใช้ “PU-2” และ EGF-1000 ใช้ “Dimarzio PAF”)



ในปี 1981 Kanda เริ่มเจรจากับทาง Fender USA และ Yamano เพื่อที่จะก่อตั้ง Fender Japan ซึ่งทำให้ GRECO SE-1200 ใน series Super real เป็น Stratocaster รุ่นสุดท้ายของ Greco ปิดตำนาน Stratocaster ที่ผลิตมาตั้งแต่ปี 1973 

ยุคปลายของ Greco

ในช่วงยุค 80 เป็นช่วงเวลาที่แสนสาหัสของ Greco พวกเขาประสบปัญหา จากการที่ Gibson เริ่มเข้ามาสร้างกีตาร์เองในชื่อ "Orville by Gibson" ทำให้ไม่มี Gibson Replica อีกต่อไป รวมไปถึงเขาก็ไม่สามารถสร้าง Strat Replica ได้อีกต่อไปเช่นกัน

ปัจจุบันแบรนด์ Greco ยังคงมีอยู่ แต่เปลี่ยนเป็นกีตาร์ GRECO-Zemaitis เนื่องมาจาก Kanda Shokai เป็นตัวแทนแบรนด์กีตาร์ดังๆมากมาย หนึ่งในนั้นมีแบรนด์ Zemaitis ทำให้ Kanda ได้รับลิขสิทธิ์ในการผลิตกีตาร์ Zemaitis โดยมีการผลิตในระดับ high-end ในชื่อว่า Greco-Zemaitis ซึ่งผลิตโดยโรงงานของ Tokai
ในปี 2012 Kanda Shokai ได้เริ่มกลับมาผลิตกีตาร์ Greco อีกครั้ง ซึ่งคราวนี้ไม่ใช่การ copy กีตาร์ Gibson, Fender หรือกีตาร์ยี่ห้ออื่นอื่นๆ แต่ได้การออกแบบใหม่ แต่ยังคงได้รับแรงบรรดาลใจจากแบรนด์เหล่านั้นอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม Greco ก็แอบมี Designใหม่ๆอยู่บ้าง เพื่อลองตลาด โดยปัจจุบันนี้ Greco ถูกผลิตโดยโรงงาน Hi-End Guitar

Writer

Tar Tungsai
อยู่กับมันให้มากพอ เดี๋ยวคุณก็ทำได้เอง อะไรที่อยู่ใน Tungsai หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อคุณ
linkedin facebook pinterest youtube rss twitter instagram facebook-blank rss-blank linkedin-blank pinterest youtube twitter instagram