Scale Length ของกีตาร์ ส่งผลอย่างไร?

ในโลกของกีตาร์ เรามักจะหมกมุ่นอยู่กับ Pickups, Tonewoods แล้วก็เอฟเฟกต์ แต่ยังมีปัจจัยพื้นฐานอย่างหนึ่งในการออกแบบกีตาร์ที่ส่งผลต่อเสียง และความรู้สึกในการเล่นของเราอย่างมาก นั่นก็คือความยาวของสเกลคอ (Scale Length) ซึ่งมักถูกมองข้ามมาโดยตลอด ทั้งที่ Scale Lenght ส่งผลต่อโทนของกีตาร์ไปจนถึง Feeling ในการเล่น ไม่ว่าคุณจะเล่นกีตาร์มานานแค่ไหนแล้ว การทำความเข้าใจเกี่ยวกับความยาวของสเกลคอจะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกกีตาร์ได้ดีขึ้น รวมไปถึงการอธิบายเหตุผลของโทนเสียงว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น
Scale Length คืออะไร?
Scale Length คือ ระยะห่างระหว่าง Nut (จุดที่หัวกีตาร์เชื่อมกับ Fretboard ) และ Saddle การวัดความยาวนี้แสดงถึง "ความยาวของช่วงกำเนิดเสียง" ของสายกีตาร์ หรือที่เรียกว่า "speaking length" ซึ่งเป็นส่วนที่สายสั่นเมื่อมีการเล่น Scale Lenght เป็นมากกว่าตัวเลข แต่ยังเป็นพารามิเตอร์พื้นฐานที่กำหนดลักษณะทั้งหมดของกีตาร์อีกด้วย
หมายเหตุ: ความยาวเป็นเหมือนส่วนผสมลับในสูตรโทนเสียงของกีตาร์ การเข้าใจเรื่องนี้สามารถเปลี่ยนวิธีที่คุณเลือกและใช้เครื่องดนตรีของคุณได้ ไม่ว่าคุณจะต้องการโทนเสียงที่สดใสขึ้นหรือแบบที่เล่นได้ง่ายขึ้น
ลองนึกถึง scale length ว่าเป็น DNA ของกีตาร์ เช่นเดียวกับรหัสพันธุกรรมของเราที่มีอิทธิพลต่อองค์ประกอบทางกายภาพต่างๆ มากมาย ความยาวของ scale length ส่งผลต่อโทนเสียงของกีตาร์ ความสามารถในการเล่น ความตึงของสาย และแม้แต่สัดส่วนของกีตาร์ที่คุณเห็น การเปลี่ยนแปลงความยาวของสเกลเพียงหนึ่งนิ้วก็สามารถเปลี่ยนกีตาร์จากกีตาร์ที่เล่นได้นุ่มนวล และเล่นง่าย ให้กลายเป็นกีตาร์ที่หนักแน่น ชัดเจน และทรงพลังได้
เบื้องหลังของ Feeling มีฟิสิกส์ซ่อนอยู่
หากต้องการเข้าใจอย่างแท้จริงว่าความยาว Scale Length ส่งผลต่อลักษณะทางกายของกีตาร์อย่างไร ผมจำเป็นต้องเจาะลึกถึงหลักฟิสิกส์เล็กน้อย (ฟิสิกส์คือหลักตามธรรมชาติ) ไม่ต้องกังวล มาเริ่มกันเลย หากคุณตั้งสายกีตาร์ให้เสียงตรงในกีตาร์ 2 ตัว โดยที่มีการควบคุมตัวแปรดังนี้
- ใช้สายเบอร์เดียวกัน อาจจะเป็นเบอร์ 10 หรือเบอร์อื่นก็ได้
- Scale Length กีตาร์ 2 ตัวต่างกัน คอตัวแรกสั้นกว่า อาจจะเป็น Gibson คอตัวที่ 2 อาจจะเป็น Fender
- Setup ให้สายมีความสูงเท่ากัน (ข้อนี้อาจจะไม่จำเป็นก็ได้ ในการทดลองเบื้องต้น)
คุณจะสังเกตเห็นในทันทีว่าความตึงของสายจะแตกต่างกัน ความตึงที่แตกต่างกันนี้เป็นหัวใจสำคัญ จากการที่ความยาว Scale Length ส่งผลต่อ Feeling ในการเล่นของคุณ
หมายเหตุ ความตึงสาย ยังมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ชนิดไม้คอ อายุไม้ ชนิดFingerboard ตำแหน่งการต่อคอ การ Set คอ องศาคอ ชนิดของบริด Spring ฯลฯ ในเบื้องต้นเราสนใจแค่ Scale Length
สำหรับกีตาร์ที่มีความยาว Scale Lenght ที่ 25.5 นิ้ว เช่น Fender Stratocaster สายจะตึงกว่า เมื่อตั้งสายตรงตามมาตรฐาน ความตึงที่เพิ่มขึ้นนี้ส่งผลให้เกิดลักษณะหลายอย่างดังนี้
อย่างแรก ความตึงสายที่สูงขึ้นจะสร้างเสียงที่คมชัด และการตอบสนองทันทีเมื่อมีการดีดสาย ซึ่งส่งผลให้เกิดเสียง "snap" และ "twang" ที่มักพบใน Fender สายที่ตึงขึ้นยังต้านมือมากกว่า ซึ่งหมายความว่าคุณต้องออกแรงดีดสาย หรือกดสายตอนเล่นคอร์ดที่มากกว่า อีกกรณีหนึ่งคือ คุณต้องถ่างนิ้วมากกว่ากีตาร์คอสั้น
ในทางกลับกัน ความยาว Scale Length ที่สั้นกว่า เช่น 24.75 นิ้ว ใน Gibson จะให้ความตึงของสายที่น้อยกว่า ความตึงสายที่ลดลงทำให้ดีดสายได้ง่ายขึ้น โทนเสียงที่ได้ จะมีความอบอุ่น และกลมกล่อมกว่าเล็กน้อย สายกีตาร์ให้ความรู้สึกยืดหยุ่นมากกว่า ซึ่งจะรู้สึกสบายกว่า ความคมของเสียงจะไม่เหมือนกับกีตาร์ 25.5 นิ้ว ซึ่งถ้าเกิดคุณอยากให้เสียงคมขึ้น แนะนำให้เพิ่มขนาดสายให้ใหญ่ขึ้น เสียงจะคมขึ้น ตามความตึงสาย แต่เสียงจะไม่บางเหมือน Fender เสียงจะหนาขึ้นแต่คม
Harmonics เรื่องที่ควรรู้
ความยาว Scale Length ไม่ได้ส่งผลแค่ความตึงสายเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการกำหนดตำแหน่งของโหนดฮาร์โมนิกตามสายอีกด้วย Harmonic คือ Overtone ที่ทำให้แต่ละโน้ตมีเสียงที่เข้มข้นและซับซ้อน ซึ่งเป็นสาเหตุที่โน้ตบนกีตาร์มีเสียงที่แตกต่างจากโน้ตตัวเดียวกันบนเปียโนหรือไวโอลิน
เมื่อความยาวของสเกลเปลี่ยนไป ตำแหน่งของโหนดฮาร์โมนิกเหล่านี้จะเปลี่ยนไป ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างโน้ตพื้นฐานและโอเวอร์โทนเปลี่ยนแปลงไป การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลต่อลักษณะโทนเสียงเฉพาะตัว ที่เกี่ยวข้องกับความยาวสเกลที่แตกต่างกัน สเกลที่ยาวขึ้นมักจะเน้นฮาร์โมนิกที่สูงกว่า ส่งผลให้เสียงสดใสและซับซ้อนมากขึ้น ในขณะที่สเกลที่สั้นลงมักจะส่งผลให้โทนเสียงมีความเข้มข้น หนักแน่น และหนาขึ้น
Scale Length กำหนดโดย Fender และ Gibson
กีตาร์ไฟฟ้า 2 แบรนด์ที่มีอิทธิพลมากที่สุด คือ Fender และ Gibson ใช้แนวทางในการสร้างกีตาร์ที่แตกต่างกัน Scale Length และ ลักษณะต่างๆของกีตาร์ที่แตกต่างกัน ได้สร้างเสียงดนตรีที่หลากหลายมาเกินครึ่งศตวรรษ

Fender เลือกใช้ Scale Length 25.5 นิ้ว
เมื่อ Leo Fender ออกแบบ Telecaster ในช่วงต้นทศวรรษปี 1950 เขาเลือกความยาวสเกล 25.5 นิ้ว การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ใช่การตัดสินใจแบบไม่คิด แต่เป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ของ Leo Fender ที่ต้องการให้กีตาร์แบบใหม่นี้เป็นเครื่องดนตรีที่ทันสมัยและอเนกประสงค์ ความยาวสเกลที่ยาวขึ้นทำให้สามารถแยกโน้ตได้อย่างยอดเยี่ยมและให้โทนเสียงที่สดใสและหนักแน่น ซึ่งจะทำให้โทนเสียงโดดเด่นขึ้นมาจากเดิมที่เป็นกันอยู่
Fender เลือกใช้ Scale Length นี้เพื่อ
- โน้ตที่ชัดเจนขึ้น และ ความใสของเสียง
- ความถี่ค่าโน๊ตพื้นฐานที่แข็งแรง ชัดเคลีย พร้อมกับต้องการได้ Upper Harmonics ที่เด่นชัด
- เพิ่ม Sustain และ Resonance ที่ยาวนานขึ้น
- การตอบสนองย่านเสียงเบสที่กระชับ และควบคุมได้ง่ายขึ้น
ความยาวสเกลนี้พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพโดยเฉพาะกับเพลงคันทรี ซึ่งมีเสียงแหลมและชัดเจนกลายเป็นเสียงหลักของแนวเพลง นอกจากนี้ยังเหมาะกับ surf music ซึ่งโทนเสียงที่สดใส และลึกซึ้ง สามารถโดดขึ้นมาได้ง่าย และแน่นอนเมื่อดนตรีร็อกเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น ความยาวสเกลของ Fender ก็เหมาะมากเพราะให้เสียงที่หนักแน่นและชัดเจนซึ่งจำเป็นสำหรับทุกอย่าง ทั้งการเล่นคอร์ดไปจนถึงเสียงโซโล่
Gibson เลือกใช้ Scale Length 24.75 นิ้ว
การที่ Gibson เลือกความยาวสเกล 24.75 นิ้วสำหรับกีตาร์รุ่นเช่น Les Paul ทำให้เกิดประสบการณ์การเล่นที่แตกต่างอย่างชัดเจน สเกลที่สั้นลงนี้มีส่วนช่วยดังนี้
- โทนเสียงโดยรวมที่อุ่นขึ้นและหนาขึ้น
- ความถี่ย่านเสียงกลางได้รับการปรับปรุง
- ความตึงของสายที่ลดลงเพื่อให้เล่นได้ง่ายขึ้น
- ไดนามิกที่ถูกบีบอัดเล็กน้อยซึ่งช่วยให้โน้ตต่างๆ กลมและมี Sustain
ความยาวของสเกล Gibson ได้รับความนิยมในหมู่ผู้เล่นแนวบลูส์และร็อกที่ชื่นชอบการดีดสายที่ง่ายกว่าและโทนเสียงที่เข้มข้น การแยกโน้ตที่ลดลงเล็กน้อยกลายเป็นข้อได้เปรียบในการสร้างเสียงที่หนาขึ้นและเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น ซึ่งเหมาะกับการเล่นพาวเวอร์คอร์ด และโทนเสียงโซโล่ที่นุ่มนวล
Scale Length แบบอื่นๆ
แม้ว่าความยาวสเกลของ Fender และ Gibson จะมีอิทธิพลต่อโลกของกีตาร์ แต่ผู้ผลิตก็ได้เพิ่มทางเลือกอื่นๆ มากมาย ซึ่งแต่ละทางเลือกก็มีข้อได้เปรียบและคุณลักษณะของโทนเสียงที่ไม่เหมือนกัน
Baritone Guitars
Baritone guitars โดยทั่วไปมี Scale Length ที่ 27 นิ้วขึ้นไป ได้รับความนิยมในดนตรีสมัยใหม่ สเกลที่ยาวขึ้นถูกนำไปใช้ในแง่การปรับเสียงต่ำลงโดยที่ความตึงของสายยังเหมาะสมอยู่ สเกลที่ยาวขึ้นช่วยให้มั่นใจได้ว่าแม้จะปรับเสียงให้ต่ำลงแล้ว สายก็ยังคงแน่นเพียงพอที่จะได้เสียงที่ชัดเจน และ Intonation ที่เหมาะสม
วงดนตรีเมทัลสมัยใหม่มักใช้กีตาร์บาริโทนเพื่อให้ได้โทนเสียงที่หนักหน่วง ชัดเจน เคลีย ความยาวสเกลที่ยาวขึ้นช่วยป้องกันไม่ให้เกิดเสียง "flubby" ที่มักเกิดขึ้นกับกีตาร์ที่จูนเสียงต่ำ นอกจากนี้ กีตาร์บาริโทนยังได้รับความนิยมในดนตรีแนว Ambient และแนว experimental music รวมไปถึง Post Rock โดยที่โทนเสียงเฉพาะตัวของกีตาร์บาริโทนอยู่ระหว่างกีตาร์และกีตาร์เบส ทำให้ได้ซาวด์ใหม่ๆ
Short-Scale Guitars
กีตาร์สเกลสั้น (โดยทั่วไปขนาด 22-24 นิ้ว) มีข้อดีที่ไม่เหมือนใคร:
- เล่นได้สบายมากขึ้น: ความยาวสเกลที่ลดลงหมายถึงระยะห่างของเฟร็ตที่แคบลง ทำให้รูปร่างคอร์ดที่ซับซ้อนจับได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะสำหรับผู้เล่นที่มีมือเล็ก อาจรวมไปถึงเด็ก
- โทนเสียงวินเทจ: กีตาร์สเกลสั้นหลายตัวมีโทนเสียงที่อบอุ่นและหนักแน่นเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งมักจะเกี่ยวข้องกับแนวเพลงอินดี้และอัลเทอร์เนทีฟร็อคบางแนว
- ความตึงของสายที่ลดลง: ความรู้สึกที่คลายตัวทำให้กีตาร์เหล่านี้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้เริ่มต้นหรือผู้เล่นที่มีปัญหาเรื่องมือ
เครื่องดนตรีสเกลสั้นที่มีชื่อเสียง ได้แก่ Fender Jaguar และ Mustang (ทั้งคู่มีขนาด 24 นิ้ว) และรุ่นสำหรับนักเรียนต่างๆ จากยุค 1960 ที่ถูกกลับเอามาใช้อีกครั้งในแนวดนตรีอัลเทอร์เนทีฟ
Multi-Scale หรือ Fan-Fret Guitars
กีตาร์แบบ Multi-Scale (หรือแบบ Fan-Fret) เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุด มีลักษณะความยาวสเกลที่ไล่ระดับกันตลอดสาย โดยทั่วไป สายที่ต่ำที่สุดจะมีความยาวสเกลที่ยาวกว่าสายที่สูงที่สุด การออกแบบนี้พยายามที่จะปรับความตึงและโทนเสียงของสายแต่ละสายให้เหมาะสมที่สุด อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญคือ กีตาร์แนวนี้ออกแบบมาตามหลักสรีรศาสตร์ Ergonomic เวลานิ้วเล่นสายบนจะกางออกและค่อยๆหุบลงเวลาเล่นสายล่างๆ
ข้อดีของการออกแบบแบบหลายสเกล ได้แก่:
- ความตึงที่สม่ำเสมอมากขึ้นในทุกสาย
- ช่วยในเรื่อง Intonation ของกีตาร์ โดยเฉพาะช่วงสายบนของกีตาร์
- ช่วยเรื่องหลักสรีรศาสตร์ให้ดีขึ้น ทั้งนิ้วและข้อมือ ลดอาการเกร็งและปวด
- ความสามารถในการรวมลักษณะโทนเสียงที่ดีที่สุดของความยาวสเกลที่แตกต่างกันไว้ในกีตาร์ตัวเดียว
Scale Length แบบไหนที่ใช่สำหรับคุณ
เมื่อคุณเลือกซื้อกีตาร์ Scale Length เป็นปัจจัยหนึ่งที่คุณควรพิจารณา ลองหาคำตอบให้ตัวคุณเองตามนี้:
1. สไตล์การเล่น (Playing Style)
- หากคุณเล่นกีตาร์ Solo โดยมีการดันสายบ่อยๆ ความยาวของสเกลที่สั้นกว่าอาจจะเหมาะกว่า
- หากผู้เล่น rhythm ความต้องการโน้ตที่ชัดเจน ความยาวของสเกลที่ยาวกว่าอาจเหมาะกว่า
- ผู้เล่นที่มักจะใช้การจูนแบบอื่นๆ อาจได้รับประโยชน์จากการมีกีตาร์ที่มีความยาวสเกลต่างกันเพื่อจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน
2. ทางกายภาพ (Physical Considerations)
- ขนาดมือรวมถึงความยาวนิ้วมีผลต่อการเล่น และผู้เล่นที่มีมือเล็กอาจชอบสเกลที่สั้นกว่า
- การเล่นเทคนิคการเล่นบางอย่างที่ซับซ้อน เช่น คอร์ดที่ต้องกางมือมากๆ หรือการเล่นโน๊ตที่ห่างมากๆในสายเดียว สเกลที่สั้นอาจจะเหมาะกว่า
- บางคนนิ้วใหญ่และหนา การที่เล่นเสกลที่ยาวกว่า ช่วยให้นิ้วไม่เบียดกันได้
3. โทนเสียง (Tonal Goals)
- สำหรับโทนเสียงที่สดใสและชัดเจน เสกลยาวกว่าเหมาะสมกว่า
- เสียงที่อบอุ่นและกลมกล่อมกว่า มักจะทำได้ง่ายกว่าเมื่อใช้เสกลคอที่สั้นกว่า
- พิจารณาการภาพรวมของวงดนตรี เสียงที่ทางวงอยากได้ กีตาร์ที่มีความยาวเสกลต่างกัน สามารถช่วยให้โทนเข้ากันได้ดีขึ้น
อนาคตของ Scale Length แบบอื่นๆ
ในขณะที่การออกแบบกีตาร์ยังคงมีการพัฒนา เราได้เห็นแนวทางที่สร้างสรรค์มากขึ้นเรื่อยๆ ในเรื่องของความยาวของสเกล ตั้งแต่กีตาร์ที่มีหลายสเกลไปจนถึงการออกแบบที่แปลกใหม่แบบสุดขั้ว ซึ่งท้าทายความเข้าใจของเราว่าควรสร้างกีตาร์อย่างไร ความสัมพันธ์ระหว่างความยาวสเกลและเสียงยังคงได้รับการศึกษาและทดลองต่อไปเรื่อยๆ เพื่อให้ได้โทนใหม่ๆ
เทคโนโลยีการสร้างแบบจำลองดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทในถ่ายทอดเสียง โดยผู้ผลิตบางรายอ้างว่าสามารถจำลองลักษณะโทนเสียงของความยาวสเกลที่แตกต่างกันได้โดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ แม้ว่าความก้าวหน้าเหล่านี้จะน่าประทับใจ แต่ผู้เล่นกีตาร์หลายคนยังคงยืนยันว่าคุณสมบัติทางกายภาพของความยาวเสกลแบบจริง ไม่มีอะไรเลียนแบบได้
หาสิ่งที่เหมาะกับคุณให้เจอ
การทำความเข้าใจเกี่ยวกับความยาวสเกลจะเพิ่มมิติใหม่ให้กับความรู้เกี่ยวกับกีตาร์ของคุณ โปรดจำไว้ว่าไม่มีความยาวสเกลไหนที่ "ดีที่สุด" แต่เป็นเรื่องการค้นหาสิ่งที่เหมาะกับสไตล์การเล่น ความสบายทางกายภาพ และความชอบด้านโทนเสียงของคุณเอง
ไม่ว่าคุณจะกำลังสนุกอยู่กับการตอบสนองที่รวดเร็วแบบ Fender, ความอบอุ่นแบบ Gibson หรือการผจญภัยในเล่นแบบแปลกใหม่ในบาริโทน การรู้ว่าความยาวสเกลส่งผลต่อ Feeling การเล่นของคุณอย่างไรสามารถช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกกีตาร์ได้ดีขึ้น
ครั้งต่อไปที่คุณหยิบกีตาร์ขึ้นมา ลองใช้เวลาสักครู่เพื่อดูความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับกีตาร์ว่าเป็นอย่างไร เพราะในโลกของกีตาร์แล้ว ทุกนิ้วมีความสำคัญเหมือนกันหมด และการทำความเข้าใจเกี่ยวกับความยาวสเกลจะช่วยให้คุณเข้าใกล้การค้นพบกีตาร์ที่เหมาะกับตัวคุณเอง