Date : 
July 20, 2025

คู่มือเลือกซื้อเครื่องตั้งสาย Tuner 

Tuner-Thumbnail

เครื่องตั้งสายกีตาร์ถือเป็นอุปกรณ์สำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งที่นักกีตาร์ทุกคนควรมี แม้ว่าฟังก์ชันของเครื่องตั้งสายจะดูเรียบง่าย แต่มีความสำคัญอย่างมาก และการเช็คให้แน่ใจว่ากีตาร์ของคุณเสียงตรงมั้ยนั้นสำคัญที่สุด

มีเครื่องตั้งสายมากมายในตลาด แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าควรใช้รุ่นไหนแบบไหน ในบทความนี้เราจะพาคุณไปรู้จักและเข้าใจเจ้าเครื่องตั้งสายนี้กัน  สุดท้ายคุณน่าเข้าใจและเลือกแบบที่เหมาะสมกับตัวคุณได้

เครื่องตั้งสายทำงานอย่างไร?

เครื่องตั้งสายป็นอุปกรณ์ที่ใช้วัดค่าความถึ่เสียงว่าอยู่ระดับไหน ซึ่งค่าความถึ่เสียงนั้นจะเป็นค่ามาตรฐาน สำหรับดนตรีสมัยใหม่คือ 440 Hz ซึ่งจะช่วยให้เครื่องดนตรีทั้งหมดในวงดนตรีรวมถึงเพลงที่คุณเล่น มีเสียงโน้ตที่มีความถี่เดียวกัน ฟังดูไม่เพี้ยน 

เครื่องตั้งสายกีตาร์สมัยนี้ส่วนใหญ่ใช้งานง่าย เนื่องจากจะมีเข็มแสดงสถานะความถึ่เสียง หรือเป็นไฟกะพริบไปมาตามพื้นหลังของไดอะแกรมขนาดเล็ก เพื่อระบุว่าเสียงของกีตาร์ตรงคีย์หรือไม่ เครื่องปรับเสียงเหล่านี้ใช้งานง่าย แต่ไม่ใช่ว่าเครื่องตั้งสายทุกชนิดจะใช้ระบบเข็ม ยังมีแบบที่เรียกว่า Strope อีกด้วย

ประเภทของเครื่องตั้งสาย

ประเภทของเครื่องตั้งสายมีหลายแบบให้เลือก โดยแต่ละแบบมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน คำแนะนำนี้จะช่วยให้คุณเลือกเครื่องตั้งสายที่ดีที่สุดสำหรับคุณได้

1. Chromatic Tuner 

Chromatic Tuner เป็นเครื่องตั้งสายที่พบได้มากที่สุด สามารถพบได้ในรูปแบบ microphone, clip-on และ pedal แป้นเหยียบ จูนเนอร์แบบโครมาติกจะช่วยให้คุณตั้งเสียงโน้ตทุกตัวในสเกลโครมาติก ซึ่งจะมีโน้ตทั้งหมด 12 ตัว มีประโยชน์อย่างมากสำหรับการตั้งสาย อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้น แต่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับนักกีตาร์ทุกคนที่มีความรู้ในระดับหนึ่ง

2. Polyphonic Tuner

Polyphonic Tuner เป็นเครื่องระบบเครื่องตั้งสายชนิดใหม่ ซึ่งถูกคิดค้นจาก TC Electronic และยังถูกนำไปใช้ในยี่ห้อ Korg ด้วย 

เครื่องตั้งสายแบบนี้จะช่วยให้คุณตั้งสายได้เร็วขึ้น โดยลักษณะการทำงานของ Polyphonic Tuner คือ คุณสามารถดีดสายทั้งหมดพร้อม แล้วเครื่องจะระบุว่าแต่ละสายเสียงเป็นอย่างไร

เครื่องตั้งสายชนิดนี้ช่วยให้คุณเห็นภาพรวมว่าการตั้งเสียงของคุณเป็นอย่างไร และคุณก็ยังสามารถตั้งสายแต่ละเส้นแยกกันได้

3. Strobe Tuner

Strobe Tuner เป็นเครื่องตั้งสายที่แม่นยำที่สุด ซึ่งมักจะมีราคาแพง แต่คุ้มค่าแน่นอน เครื่องตั้งสายแบบ Strobe จะสร้างความถี่อ้างอิงขึ้นมา และเปรียบเทียบกับความถึ่เสียงของสายที่ดีด ในรูปแบบการเคลื่อนไหวแบบหมุน ให้ดูว่ามีควมแตกต่างเล็กน้อย หรือไม่มีความแตกต่างเลย

4. Microphone

Microphone Tuner - เป็นเครื่องตั้งสายที่ใช้ไมโครโฟนเป็นตัวรับความถี่เสียงของโน้ตที่คุณเล่น ไมโครโฟนมีความแม่นยำน้อยที่สุด และไม่ค่อยมีประโยชน์เวลาที่ทำการแสดงสด เนื่องจากมีเสียงรบกวนทำให้รับเสียงอื่นๆเข้ามาด้วย เหมาะกับการใช้ที่บ้านมากกว่า และอีกอย่างไมโครโฟนส่วนใหญ่ไม่สามารถตั้งเสียง # b ได้ 

ลักษณะของเครื่องตั้งสาย แบบต่างๆ

1. CLIP-ON TUNER

เครื่องตั้งสายแบบ Clip-on  เริ่มได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักกีตาร์สมัยใหม่เนื่องจากมีการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์และพกพาสะดวก เพียงแค่หนีบจูนเนอร์ไว้บนหัวกีตาร์ แล้วเซ็นเซอร์จะตรวจจับการสั่นสะเทือนจากคอกีตาร์เมื่อคุณดีดสายกีตาร์แต่ละสาย

จูนเนอร์เหล่านี้มีความแม่นยำพอสมควร แม้ว่าจูนเนอร์แบบคลิปออนราคาถูกจะไม่เหมาะกับสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังหรือเสียงรบกวนก็ตาม นั่นเป็นเพราะคอกีตาร์จะตรวจจับการสั่นสะเทือนจากเครื่องดนตรีอื่น เช่น เบสและกลอง

แต่ด้วยความสะดวกในการใช้งาน ไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้แล้ว นักกีตาร์ส่วนใหญ่มักจะเลือกติดจูนเนอร์แบบ Clip-on ไว้กับกีตาร์ตลอดเวลา ถึงแม้จะรู้สึกสะดวกและง่าย แต่มันก็ไม่ได้ดูสวยงามนัก 

เครื่องตั้งสาย Clip-On ที่น่าสนใจ

2. Pedal Tuner

เครื่องตั้งสายแบบเหยียบเป็นตัวเลือกสำหรับการเล่นสด เทำให้การตั้งสายระหว่างเพลงเป็นเรื่องง่ายอย่างมาก เพียงแค่กดสวิตช์เหยียบเพื่อเปิดใช้งาน เครื่องตั้งสายแบบนี้ส่วนใหญ่มีหน้าจอที่สว่างเพื่อให้คุณเห็นระดับเสียงที่ต้องการได้ในสภาพแวดล้อมที่มืด

โดยปกติแล้วรูปแบบนี้จะเป็นเครื่องตั้งสายที่แม่นยำที่สุด เนื่องจากสัญญาณจะถูกส่งตรงจากปิ๊กอัพ ส่วนใหญ่จะเป็นแบบ True Bypass ซึ่งหมายความว่าสัญญาณจะไม่ถูกเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มระดับเสียงเลย

เครื่องจูนแบบเหยียบยังมีฟังก์ชันที่มีประโยชน์อีกอย่างหนึ่ง นั่นคือจะปิดเสียงสัญญาณกีตาร์ของคุณเพื่อให้คุณตั้งสายแบบเงียบๆ ได้

เครื่องตั้งสายแบบ Pedal ที่น่าสนใจ

3. เครื่องตั้งสายแบบพกพา Handheld

เครื่องปรับเสียงประเภทนี้มักจะมีไมโครโฟน คุณจึงสามารถวางไว้ใกล้ๆ ได้ แต่ไม่ต้องวางบน Signal Chain หรือหนีบบนหัวกีตาร์ของคุณ หลักการทำงานคือรับเสียงที่คุณดีด ดังนั้นไม่ควรอยู่ในที่ที่มีเสียงรบกวน 

เครื่องตั้งเสียงประเภทนี้เหมาะกับกีตาร์โปร่ง แต่ก็สามารถใช้กับกีตาร์ไฟฟ้าได้โดยการเสียบแจ็ค
ส่วนใหญ่แล้วเครื่องตั้งสายแบบนี้จะผลิตโดย Boss, Roland และ Korg ซึ่งบางรุ่นก็มีเครื่อง metronomeในตัว เหมาะสำหรับใช้ในบ้านที่มีเสียงรบกวนน้อย

เครื่องตั้งสายแบบพกพาที่น่าสนใจ

4. Rack Tuners

เครื่องตั้งสายแบบแร็คทำหน้าที่ได้ตรงตามที่บอกไว้ทุกประการ ในตอนแรกอาจดูไม่สมเหตุสมผลที่จะมีอุปกรณ์ขนาดใหญ่ในขณะที่ Stomp box ก็ทำได้ แต่ในกรณีส่วนใหญ่ จูนเนอร์แบบแร็คจะมีคุณสมบัติอื่นๆ อีกมากมาย เช่น การปรับจูนแบบอื่นๆ ให้เลือก อินเทอร์เฟซ/จอแสดงผลขนาดใหญ่ มองง่าย และตัวเลือกการปรับเทียบเสียงต่างๆ

จูนเนอร์แบบแร็คส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับโปรเซสเซอร์แบบแร็คมัลติเอฟเฟกต์ ดังนั้นจึงมีมากกว่าแค่จูนเนอร์ จูนเนอร์อย่าง KDM2 ของ Korg สามารถเชื่อมต่อกับเพดัลบอร์ดของคุณได้อย่างง่ายดายและมองเห็นสิ่งที่คุณกำลังทำอย่างชัดเจนมาก VS-R Strobo ของ Peterson เป็นจูนเนอร์ที่แม่นยำและทรงพลังที่สุดตัวหนึ่ง จูนเนอร์เหล่านี้มีข้อดีหลายประการ

5. Strobe Tuner

Strobe
Auto Strobe 490 Tuner

เครื่องตั้งเสียงแบบอิเล็กทรอนิกส์เครื่องแรกเรียกว่า Stroboconn ออกจำหน่ายในปี 1936 Stroboconn ใช้การจูนแบบสโตรบ ซึ่งให้การวัดระดับเสียงที่แม่นยำอย่างมาก การปรับแบบสโตรบในอดีตใช้แสงที่ส่องลงบนแผ่นดิสก์ ช่องบนแผ่นดิสก์จะสร้างเอฟเฟกต์ stroboscopic เนื่องจากแผ่นดิสก์หมุนด้วยความเร็วที่แม่นยำมาก เมื่อระดับเสียงเข้าที่ ช่องว่างดังกล่าวจะดูเหมือนหยุดนิ่งหรือหยุดนิ่ง 

แม้ว่าสโตรโบสโคปเชิงกลแบบเก่าจะมีความแม่นยำอย่างเหลือเชื่อ แต่ด้วยมีน้ำหนักมากไม่สะดวก และมีการออกแบบแบบหลอดที่เปราะบาง ดังนั้นจึงไม่ค่อยเหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน เครื่องปรับเสียงสโตรโบสโคปสมัยใหม่จึงใช้สโตรบอาร์เรย์ LED แทนแผ่นดิสก์ที่หมุนได้ ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่คล้ายกันโดยไม่ต้องขยับชิ้นส่วนเชิงกล

ควรสังเกตว่า "strobe mode" บนเครื่องปรับเสียง LCD/LED ส่วนใหญ่นั้นแม้จะเลียนแบบ stroboscope แต่ก็ไม่แม่นยำเท่ากับเครื่องปรับเสียงสโตรบจริง มันเพียงแค่ให้การตอบสนองทางภาพแบบอื่นเท่านั้น

6. Acoustic Tuners

เครื่องตั้งสายแบบ Acoustic มักจะติดตั้งไว้ที่ Soundhole เครื่องตั้งสายแบบนี้มีลักษณะเรียบง่าย แตกต่างจากเครื่องจูนเนอร์แบบหนีบหัวกีตาร์ที่ดูไม่สวยงามนัก และให้การจูนที่ใกล้ชิดมาก เนื่องจากเครื่องจูนเนอร์เหล่านี้ติดตั้งไว้ติดกับแหล่งกำเนิดเสียงโดยตรง

เครื่องตั้งสายแบบ Soundhole ใช้เซ็นเซอร์เพียโซในตัวเพื่อรับรู้ระดับเสียงของเครื่องดนตรีของคุณ จึงทำงานได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง 

7. App Tuner

ทุกวันนี้ ใครๆก็ใช้สมาร์ทโฟน หลักการทำงานก็คือการรับเสียงจากไมโครโฟนในโทรศัพท์แล้วก็ประมวนผลใน App ซึ่งก็ใช้งานได้ในระดับหนึ่ง แต่เราไม่แนะนำให้ใช้แอพเหล่านี้เป็นระดับมืออาชีพ เพราะในสถานการณ์ถ่ายทอดสด มือถึอจะรับสัญญาณรบกวนได้มาก

แต่ถ้าคุณลืมเครื่องตั้งสายติดตัวไปข้างนอก แอพก็เป็นทางเลือกที่ดี มีแอพน่าสนใจดังนี้ Boss TU-3 และ TC Electronic Polytune

8. Strap Tuner

เครื่องตั้งสายแบบหนีบสายสะพาย สำหรับท่านที่ไม่ต้องการให้ให้มี Clip หนีบที่หัวกีตาร์ เปลี่ยนมาเป็นแบบหนีบสายสะพายก็เป็นทางเลือกที่น่าลอง แนะนำให้หนีบใกล้กับรูคล้องสายสะพาย มีหลักการทำงานคือรับความสั่นสะเทือนจาก Body กีตาร์ ต่างจาก Clip-on นิดหน่อยตรงที่รับความถี่จากหัวกีตาร์โดยตรง

คุณภาพการใช้งาน คุณจะตั้งสายได้ดีตอนที่คุณสะพายกีตาร์อยู่ สายสะพายควรตึง เพื่อรับการสั่นสะเทือนให้ได้มากที่สุด และข้อแตกต่างอีกอย่างนึง Clip-on รับการสั่นสะเทือนจากสายได้ใกล้กว่า ส่วน Strap Tuner รับการสั่นสะเทือนจาก Body ซึ่งไกลกว่า 

เครื่องตั้งสายแบบ Strap ที่น่าสนใจ

9. เครื่องตั้งสายแบบอัตโนมัติ Auto Tuning 

ในปัจจุบัน มีเครื่องตั้งสายแบบใหม่ เป็นแบบที่หมุนลูกบิดกีตาร์ให้อัตโนมัติ และจะหยุดเมื่อเสียงตรง ซึ่งทำให้เราตั้งสายได้อย่างรวดเร็วมากๆในการหมุนเพียงครั้งเดียว ตรงนี้เหมาะกับคนที่เปลี่ยนสายใหม่อย่างมาก รวมไปถึงช่างซ่อมกีตาร์ ลดขั้นตอน และลดอาการล้าของข้อมือได้

เครื่องตั้งสายแบบอัตโนมัติที่น่าสนใจ

Buffered vs. True Bypass ต่างกันอย่างไร

True Bypass

แป้นเหยียบแบบ True Bypass จะยอมให้สัญญาณไหลผ่านได้ ซึ่งหมายความว่าโทนเสียงของคุณจะไม่ถูก boost ขึ้นเลย ดังนั้น จึงเป็นเสียงสะท้อนที่แท้จริงของโทนเสียงกีตาร์ของคุณ ในความเป็นจริง ยิ่งคุณมีแป้นเหยียบแบบ True Bypass ใน Signal Chain มากเท่าใด ก็ยิ่งจะมีค่าความต้านทานสูงขึ้นเท่านั้น ทำให้สูญเสียสัญญาณได้

Buffered Bypass

Buffered Bypass เป็นอุปกรณ์ที่มีการเพิ่มสัญญาณเข้าไปเล็กน้อย คล้ายกับการกดแป้นเหยียบมากกว่าที่จะปล่อยให้สัญญาณไหลผ่านไปเฉยๆ

เครื่องตั้งสายแบบไหนที่เหมาะกับคุณ

Home Guitarist เล่นอยู่บ้าน

ถ้าคุณเป็นมือกีตาร์ที่เล่นอยู่ที่บ้าน ไมโครโฟนหรือคลิปหนีบเพียงพอกับการใช้งานที่บ้านแล้วเพราะต้องการตั้งสายเพียงเล็กน้อย และสถานที่ค่อนข้างเงียบ 

Guitar Tech

คุณควรมีเครื่องตั้งสายที่แม่นยำที่สุด นั่นหมายถึงคุณควรมีเครื่องตั้งสายแบบ Strope

 มือกีตาร์เล่นสด

 วิธีที่ง่ายที่สุดคือการใช้เครื่องตั้งสายแบบเหยียบ ซึ่งจะแม่นยำที่สุดเมื่อมีเสียงรบกวนรอบข้าง และยังช่วยปิดเสียงกีตาร์ของคุณเพื่อให้คุณจูนเสียงได้โดยไม่ต้องเปิดเสียง คนฟังไม่ได้ยิน

คุณสามารถใช้เครื่องจูนแบบ Clip-On ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เสียงรบกวนรอบข้างหรือการสั่นสะเทือนจะส่งผลต่อคอกีตาร์ของคุณ ทำให้ความแม่นยำลดลง 

ครูสอนดนตรี

 เครื่องตั้งสายแบบหนีบอาจเป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานง่ายที่สุดสำหรับนักเรียนของคุณ คุณสามารถหนีบเครื่องตั้งสายไว้ที่หัวกีตาร์ จูนเสียง จากนั้นจึงส่งเครื่องตั้งสายให้กับนักเรียนของคุณได้อย่างง่ายดาย

เครื่องตั้งสายแบบไมโครโฟนก็ใช้ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องต่อแอมป์ด้วย หากเป็นกีตาร์ไฟฟ้า 

มือกีตาร์ห้องอัด Recording Guitarist

 นักกีตาร์ที่ทำการบันทึกเสียงต้องตั้งสายอย่างแม่นยำเพื่อให้ได้เสียงที่ดีที่สุด เครื่องตั้งสายแบบ Strope หรือแบบแป้นเหยียบคุณภาพสูงจึงเหมาะกับคุณ

มือกีตาร์โปร่ง Acoustic Guitarist

ในการแสดงสด คุณอาจต้องการเครื่องตั้งสายแบบเหยียบเพื่อปิดเสียงสัญญาณขณะจูนเสียง แต่ถ้าหากเล่นที่บ้าน เครื่องตั้งสายแบบหนีบหรือไมโครโฟนก็ใช้ได้ดี 

มือเบส Bassist

มือเบสสามารถใช้จูนเนอร์แบบเดียวกับกีตาร์ได้ แต่อาจจะมีแยกย่อยบางชนิด คือแบบ ไมโครโฟน บางรุ่นไม่รองรับเสียงต่ำมากๆของเบสได้

ตำแหน่งเครื่องตั้งสายใน Signal Chain

เครื่องตั้งสาย จะอยู่ตำแหน่งแรกของ Signal Chain เสมอ 

เพื่อให้การตั้งสายได้ที่แม่นยำที่สุด คุณต้องให้สัญญาณของคุณแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าหากคุณวางแป้นเหยียบอื่นๆ ไว้ก่อนจูนเนอร์จะสร้างอิมพีแดนซ์และทำให้สัญญาณอ่อนลง ซึ่งหมายความว่าการตั้งสายของคุณจะไม่เที่ยงตรง

Writer

Tar Tungsai
อยู่กับมันให้มากพอ เดี๋ยวคุณก็ทำได้เอง อะไรที่อยู่ใน Tungsai หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อคุณ
linkedin facebook pinterest youtube rss twitter instagram facebook-blank rss-blank linkedin-blank pinterest youtube twitter instagram