Date : 
May 24, 2025

ความลับทำให้ Gibson Les Paul เสียงดีขึ้น

Gibson เซ็ตอัพ

ทางกายภาพของกีตาร์ Gibson ใช้ Scale Length 24.75"  และ 24.625" ซึ่งแตกต่างจาก Fender และใช้ไม้ Mahogany เป็นหลัก ต่อคอแบบ Set Neck 

การ Setup ก็จะมี Basic เหมือนกับที่เราเรียนรู้ในบทความก่อนๆ ค่าต่างๆตามนี้

  • Les Paul Neck Relief = 0.004" - 0.012"
  • Les Paul String Height 1st = 3/64"
  • Les Paul String Height 6th = 5/64"
  • Les Paul Neck Pickup Height 1st = 3/32"
  • Les Paul Neck Pickup Height 6th = 3/32"
  • Les Paul Bridge Pickup Height 1st = 1/16"
  • Les Paul Bridge Pickup Height 6th = 1/16"

หลังจากนั้นต่อแอมป์เล่น Test เสียง แล้วปรับ Fine Tune เพราะกีตาร์แต่ละตัว Output ของปิ๊กอัพไม่เท่ากัน

ความลับอยู่ที่ Tune-O-Matic

กีตาร์ Gibson Les Paul กับ SG ส่วนใหญ่ใช้ Bridge แบบ Tune-O-Matic ซึ่งตัว Tune-O-Matic จะประกอบด้วย ตัวบริด (Bridge) และ Stop Bar

Tune o matic
Bridge แบบ Tune-o-matic

ความลับการทำให้ Gibson  Les paul เสียงดีขึ้นเกิดจากการปรับระดับความสูงของ Stop  Bar ให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม

หน้าที่ของ Stop Bar 

  • ยึดสาย
  • กดสายลงที่บริด เพื่อบังคับให้การสั่นของสายอยู่ใน Loop ระหว่าง Nut ถึง Saddle

องศาของสาย

การกดของ Stop Bar ที่ตำแหน่งแตกต่างกัน  ทำให้เกิดการหักมุมของสายที่แตกต่างกัน

องศาของสายที่แตกต่างกัน มีผลต่อเสียง และทางด้านกายภาพ ดังนี้

1. Power พลังเสียง

องศาแตกต่างกัน แรงกดแตกต่างกัน (Power) โดยที่การหักมุมของสายถ้ามีมาก แรงที่กดจะถูกเฉือนมากว่า องศาสายป้านกว่า  สายที่ป้านกว่าจะมี Power ที่พุ่งลง Body กีตาร์มากกว่า

Power of String Angle
Power ที่ลง Body จะต่างกัน

2. Sustain ยาวขึ้น สั่นมากขึ้น

การไหลของคลื่น หรือการสั่นของสายกีตาร์ ในมุมสายที่แตกต่างจะส่งผลดังนี้

  • องศาป้าน | คลื่นไหลมาก Sustain ยาว
  • องศาหักมุม | ไหลน้อย เสี้ยงห้วนกว่า

นั่นเกิดมาจากแรงเค้นแรงเครียด Stress & Strain ในสายตรงช่วงหักมุม ที่มุมของสายน้อยกว่าจะทำให้มันถ่ายทอดการส่งผ่านได้ดีกว่า

vibration low angle string
การสั่นสายที่ส่งผ่าน saddle จะต่างกัน

เมื่อสายอิสระมากขึ้น สายจะสั่นมากขึ้น 

เมื่อสายสั่นมากขึ้น จะทำให้มี Harmonic มากขึ้น

เมื่อคลื่นไหลผ่านไปมาได้ง่าย กีตาร์จะมี Overtone มากขึ้น

3. การดันสาย

องศาการหักมุมของสายจะส่งผลต่อการดันสาย หักมุมมากดันสายยากขึ้น องศาสายป้านเกินไป สายหลุดจะร่อง Saddle

วิธีปรับ Stop Bar

เริ่มจากยก Stop Bar ให้ได้องศาที่ป้านที่สุดก่อน

จากนั้นค่อยๆ ปรับลง ทั้งสาย 1 และ สาย6 เพื่อหา Sweet Spot เสียงที่ทั้งคมชัด และมี Sustain ส่วนนี้คุณต้องหาด้วยตัวเอง

กรณีกีตาร์ไม่มี Stop Bar แล้วร้อยสายลง Body ในส่วนที่ใกล้บริด จะไม่สามารถจูนได้ เสียงจะห้วน

no stop bar
ไม่มี Stop Bar จะไม่สามารถปรับได้

องศาคอ Gibson 

องศาคอ Gibson จะมีมุมตาม Curve Body ซึ่งองศาคอในแต่ละปี ไม่เท่ากัน ต่างกันนิดหน่อย

องศาคอไม่เท่ากัน ส่งผลต่อตำแหน่ง Bridge สูงต่ำ

ตำแหน่ง Bridge ส่งผลต่อตำแหน่ง Stop Bar

ถ้าตำแหน่ง Bridge สูง  Stop Bar จะสูง ถ้าสูงมากจนลอยเกินไป ปรับขึ้นได้อีก 

ถ้าขึ้นตามไม่ได้อีก ให้ใช้การใส่สายแบบ Top Warp

Top wrap
ใส่สาย แบบ Top Wrap

การที่ใส่สายกลับด้าน แล้วพาดด้านบน Stop Bar จะส่งผลให้เราปรับองศาสาย ได้ง่ายกว่า และส่งผลต่อระยะการสั่นของสายตั้งแต่ Saddle มายัง Stop Bar ยาวขึ้น ระยะมากขึ้น สั่นดีขึ้น 

Reference

องศาสายควรอยู่ที่ 4 - 6 องศา ต่ำกว่านี้ได้นะ

องศาสายไม่ควรเกิน 10 องศา

ส่งท้าย 

วัสดุที่ใช้ทำ Stop Bar มีผลต่อเสียง ถ้าอยากให้เสียง โปร่งขึ้น ดีขึ้น ให้ใช้ Stop Bar ที่ผลิตจาก Nickel

Writer

Tar Tungsai
อยู่กับมันให้มากพอ เดี๋ยวคุณก็ทำได้เอง อะไรที่อยู่ใน Tungsai หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อคุณ
linkedin facebook pinterest youtube rss twitter instagram facebook-blank rss-blank linkedin-blank pinterest youtube twitter instagram